ความเครียด กับโรคกรดไหลย้อน

สวัสดีค่ะ..

ไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนๆใช้เทคนิคของเราได้ผลเป็นอย่างไรกันบ้างคะเนี้ยะ หวังว่าเทคนิควิธีต่างๆที่นำเสนอน่าจะช่วยเพื่อนๆได้บ้างน่ะคะ มาวันนี้เราก็มานึกออกอีกหนึ่งเรื่องค่ะ นั่นก็คือเรื่องความเครียด บางคนอาจจะคิดว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกับกรดไหลย้อน แต่ความจริงแล้วมันเกี่ยวกันจริงๆค่ะ เพราะช่วงที่เราเครียดมากๆ เรารู้สึกทันทีเลยค่ะว่าอาการมันกลับมาอีกทันที เพราะมันจะท้องอืด และรู้สึกจุกที่คอทันทีค่ะ หรือไม่เพื่อนๆบางคนอาจจะเคยได้ยินว่าบางคนก็มีอาการเครียดลงกระเพาะใช่มั้ยล่ะคะ จริงแล้วๆร่างกายคนเรามันเชื่อมโยงกับหลายสิ่งหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกต่างๆ มันสามารถทำให้คนป่วยได้ และหายป่วยได้อย่างมหัศจรรย์เลยค่ะ ฉะนั้นวันนี้เราก็เลยอยากจะนำเสนอวิธีรับมือกับความเครียดมาให้เพื่อนๆอ่านกันค่ะ เพราะว่ามันน่าจะมีส่วนช่วยได้เยอะเหมือนกันนะคะ

สมาคมสุขภาพจิตของประเทศแคนาดาก็ได้แนะนำวิธีแก้เครียดเอาไว้ 18 ข้อที่เราน่าจะรับฟังไว้แล้วลองปฏิบัติตามไม่เสียหลาย



1. สังเกตอาการที่คุณเป็นเสมอเวลาเครียด พึงรู้ตัวว่าเมื่อใดที่เกิดอาการเหล่านี้แปลว่าความเครียดมาเยือน ต้องรีบจัดการเสียโดยเร็ว

2. พิจารณาวิถีการใช้ชีวิตของคุณที่ก่อให้เกิดความเครียด แล้วลองดูว่ามีสิ่งไหนที่จะปรับเปลี่ยนได้หรือไม่ ทั้งเรื่องการงาน ครอบครัว หรือภาระหน้าที่กิจวัตรประจำวัน

3. ลองใช้เทคนิคการผ่อนคลายแบบต่างๆ เช่น เล่นโยคะ นั่งทำสมาธิ สูดหายใจลึกๆ หรือแม้แต่การไปนวดเพื่อผ่อนคลาย

4. ออกกำลังกายเรียกเหงื่อ เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยคลายเครียดได้ชะงัด

5. จัดเวลาให้เป็น โดยทำรายการสิ่งที่ต้องทำเป็นข้อๆ จัดอันดับความสำคัญ แล้วเลือกทำสิ่งที่จำเป็นที่สุดเป็นอย่างแรก เมื่อทำเสร็จเรื่องไหนแล้วให้ขีดฆ่าทิ้งไปทีละรายการ คุณจะรู้สึกดีขึ้นมาก

6. พิจารณาสิ่งที่คุณกินเข้าไปบ้าง แอลกอฮอล์ คาเฟอีน น้ำตาล ไขมัน บุหรี่ อะไรเหล่านี้ที่ใครๆ บอกว่าเป็นยาคลายเครียดชั้นดี แท้จริงแล้วมันกลับไปกดร่างกายของคุณให้รับมือกับความเครียดได้แย่ลง คุณน่าจะหันมาหาผลไม้ ผัก ธัญพืช หรืออาหารที่มีโปรตีนสูงๆ แต่มีไขมันต่ำจะดีกับร่างกายของคุณมากกว่า

7. พักผ่อนให้เพียงพอ และนอนหลับให้เต็มอิ่ม

8. หากคุณรู้สึกเครียดมากๆ ควรหาทางระบายออกมาเสียบ้าง ด้วยการเล่าให้คนที่คุณสนิทและไว้ใจได้ฟัง หรือหากไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครก็ยังมีศูนย์ฮ็อตไลน์ที่รับบริการปรึกษาปัญหาชีวิต ซึ่งพร้อมรับฟังปัญหาของคุณ ถึงแม้เขาเหล่านั้นอาจจะไม่มีคำตอบดีๆ ให้คุณแต่การได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น และในที่สุดจะมองเห็นทางออกของปัญหาได้ด้วยตัวของคุณเอง

9. ลองหากิจกรรมการกุศลทำดูบ้าง เช่น ไปเป็นอาสาสมัครต่างๆ การได้ช่วยคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มใจ และยังช่วยลดความเครียดไปด้วยในตัว

10. ละทิ้งเรื่องที่กำลังคิดเครียดอยู่ชั่วคราว เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นที่ทำให้คุณสบายใจขึ้น เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือออกไปเที่ยว คุณจะรู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบตเตอรีอีกครั้ง

11. ถ้าคุณกำลังโกรธใครอยู่ ลองหาทางระบายออกอย่างสร้างสรรค์ด้วยการหาอะไรทำสักอย่างที่หันเหความสนใจของคุณ เช่น ขุดดินปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดบ้าน คิดถึงแผนงานใหม่ที่ต้องจัดการ แล้วทุ่มพลังทำมันเข้าไป ในที่สุดคุณจะพบว่าคุณลืมเรื่องที่กำลังโกรธได้เอง

12. หากมีเรื่องกับใครก็อย่ามุ่งเอาชนะอีกฝ่ายท่าเดียว เพราะมันอาจนำมาซึ่งการใช้กำลังเข้าตัดสินกันได้ในที่สุดซึ่งจะแย่กับทุกฝ่ายโดยเฉพาะคุณ การยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรีแต่เป็นการคิดที่ฉลาดเพื่อยุติข้อขัดแย้งก่อนที่มันจะลุกลามใหญ่โตต่างหาก

13. เมื่อมีปัญหา ให้คิดทีละเรื่อง อย่าคิดหลายๆ เรื่องพร้อมกันในคราวเดียว

14. ไม่ต้องเป็นคนสมบูรณ์แบบมากนักก็ได้

15. เมื่อต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น จงทำใจให้สบายแล้วยิ้มสู้เข้าไว้

16. อย่าเอาตัวเองไปแข่งขันกับใคร

17. มองคนที่เราต้องติดต่อด้วยอย่างเป็นมิตรไว้ก่อน

18. สร้างอารมณ์ขันให้กับตัวเองและคนอื่น มองโลกในแง่ดีกว่าเดิม ทำชีวิตให้ง่ายขึ้น

ถ้าคุณทำได้ทั้ง 18 วิธีนี้ เราเชื่อแน่ว่าคุณจะห่างไกลกับความเครียดได้ไม่ยากเลยนะคะ

ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today

โยคะรักษากรดไหลย้อน 2

มาลองฝึกโยคะเพื่อรักษาโรคกันเถอะค่ะ รับรองว่ามันไม่ได้ช่วยเราแค่โรคกรดไหลย้อนอย่างแน่นอนค่ะ

โยคะสำหรับโรคกรดไหลย้อน (Heartburn)
และโรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome)

ต่อจากนี้คืออาสนะท่าต่างๆ ที่ข่วยให้คุณรับมือกับโรคลำไส้แปรปรวนและโรคกรดไหลย้อน:
ท่าสุข (เริ่มต้น) (Sukhasana)



ท่านี้เป็นท่านั่งเริ่มต้นที่สามารถทำได้ทั้งก่อนและหลังจากท่าศพ ท่านี้ช่วยให้ยืดกระดูกสันหลังลดการทำงานของเมตาโบลิซึม กระตุ้นให้เกิดความสงบจากภายใน และให้คุณรู้สึกนิ่งสงบ

ท่าแมว (Bidalasana)



ท่าแมวจะช่วยให้คุณเริ่มเคลื่อนไหวจากจุดศูนย์กลางไปพร้อมกับลมหายใจของคุณ ซึ่งทั้งสองส่วนนี้เป็นหัวใจหลักของการฝึกโยคะ ให้ระลึกไว้คุณไม่สามารถฝึกท่าแมวได้หากมีอาการเจ็บที่หลัง

ท่าสุนัข (Adho Mukha Shvanasana)



ท่าสุนัขช่วยพัฒนาความยืดหยุ่นของแนวสันหลัง ยืดเหยียดสะโพกและหลังช่วงกลางและช่วงล่าง ฟื้นฟูร่างกาย และช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับหลัง สำหรับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บที่หลังควรงดการเล่นอาสนะนี้

ท่าบิดตัวขาพับ (Ardha Matsyendrasana)



ถ้าอยู่ในท่าเรียบร้อยแล้ว ท่าบิดตัวขาพับจะช่วยเหยียดและยืดกระดูกสันหลัง และยังมีประโยชน์กับตับ ไต และต่อมหมวกไตเป็นอย่างดี ควรฝึกท่านี้ภายใต้คำแนะนำของครูฝึก

ท่านอนหน้าผากจรดหัวเข่า (Pavanamuktasana)


คำว่า Pavanamuktasana มาจากภาษาสันสกฤต คำว่า ‘Pavana' หมายถึง อากาศหรือลม ส่วน ‘Mukta' แปลว่า อิสระหรือปลดปล่อย ท่านี้มีผลสำคัญกับระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะจะช่วยกำจัดแก๊สในช่องท้องด้วย

ท่าศพ (Savasana)


เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์ของการพักผ่อน ก่อนอื่นคุณควรรู้ว่าส่วนใดตึงอยู่ คุณจะรับรู้ถึงการผ่อนคลายเมื่อคุณนอนพักด้วยท่าศพในช่วงสุดท้าย

การผ่อนคลาย
การผ่อนคลายประกอบไปด้วย 3 ส่วน - ร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ความรู้สึก ท่าผ่อนคลายจะให้คุณผ่อนคลายร่างกายและจืตใจ และยังช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นหลังจากฝึกอาสนะและปราณยมะ การผ่อนคลายเป็นส่วนสำคัญของการฝึกโยคะ

ที่มา : http://gotoknow.org/blog/y-now/257959

โยคะรักษากรดไหลย้อน

สวัสดีอีกครั้งนึงนะคะเพื่อนๆ เราห่างหายจากบล็อกนี้ไปนานอีกแล้วค่ะ เพราะว่าที่ผ่านมานั้นมีแต่เรื่องเจ็บตัว และเรียนหนัก ทำให้ไม่มีเวลาเข้ามาอัพเดทบล็อกเลยค่ะ แต่วันนี้เรามาแล้ว และแน่นอนค่ะว่าต้องมาพร้อมกับความรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคกรดไหลย้อนแน่นอนค่ะ จากโพสก่อนที่เราเคยบอกว่าอาการกรดไหลย้อนเราดีขึ้นมากค่ะ ตอนนี้แทบไม่ต้องกินยาแล้ว เพราะท้องก็ไม่อืด ไม่รู้สึกว่ากรดมันไหลขึ้นมาอีกแล้วค่ะ และสิ่งที่น่าดีใจไปกว่านั้นคือน้ำหนักของเราก็ขึ้นด้วยค่ะ เราไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เรามีอาการดีขึ้น เพราะเราทำแทบจะทุกอย่างที่มีคนแนะนำมา ก็เกือบทุกอย่างที่เราเอามาบอกเล่าให้เพื่อนฟังที่บล็อกนี้แหล่ะค่ะ แต่อีกอย่างนึงที่เราไม่แน่ใจว่าเราเคยเล่าให้เพื่อนๆฟังรึเปล่านะคะว่าเรานั้นเล่นโยคะด้วยค่ะ เราก็เลยไปถามครูฝึกว่าโยคะรักษาโรคกรดไหลย้อนได้มั้ย ครูฝึกก็เลยแนะนำมาว่ามันมีท่าที่ช่วยบริหารลำไล้ค่ะ อาจจะไม่ใช่การรักษาโดยตรง แต่มันจะช่วยให้อวัยวะภายในของเราแข็งแรงขึ้น และอาจจะทำให้หายได้ในที่สุดค่ะ วันนี้เราก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้เพื่อนๆอ่านกันค่ะ


*** อาการผิดปกติที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารอีกอย่างหนึ่งคือโรคกรดไหลย้อน (Heartburn หรือ Gastro-esophageal Reflux Disease) ซึ่งหมายถึงกรดที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย โดยเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารด้านล่างปิดไม่สนิทและอาหารที่อยู่ในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารอีก ทำให้รู้สึกร้อนบริเวณหน้าอกหรือลำคอเมื่อพิษจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาถึงหลอดอาหาร ความร้อนจากการเผาไหม้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Heartburn โดยปกติแล้วโรค Heartburn ไม่จำเป็นว่าหมายถึงโรค GERD แต่ถ้าอาการ Heartburn เป็นมากกว่า 2 ครั้งใน 1 อาทิตย์ ให้พิจารณาว่าเป็นโรค GERD ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้

ทุกคนไม่ว่าเด็กหรือทารกก็สามารถเป็นโรค GERD ได้ อาการ Heartburn และอาเจียนจากพิษนั้นเป็นอาการทั่วไปของโรค GERD แม้ว่าผู้ป่วยบางรายอาจจะเป็นโรค GERD โดยไม่มีอาการร้อนเผาไหม้แบบ Heartburn ก็ได้ แต่จะมีอาการเจ็บปวดบริเวณหน้าอก เสียงแหบในตอนเช้า หรือกลืนอาหารลำบากแทน อาการหายใจลำบากหรือไอแห้งก็อาจเป็นผลจากโรค GERD ได้

ปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของโรคกรดไหลย้อนได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ อ้วนเกินไป ตั้งท้อง และสูบบุหรี่ อาหารบางอย่างเช่น ผลไม้รสเปรี้ยว ช็อคโกแลต เครื่องดื่มคาเฟอีน อาหารทอดและอาหารมัน กระเทียม หัวหอมใหญ่ อาหารรสมินต์ และอาหารรสเผ็ดในซอสมะเขือเทศ ก็อาจเป็นเหตุให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ เราสามารถรับมือกับโรคกรดไหลย้อนได้เช่นเดียวกับโรคลำไส้แปรปรวน ด้วยการเปลี่ยนวิธีการกินอาหารและใช้ยาลดกรดช่วย

โยคะซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างอาสนะและวิถีแห่งโยคะ ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาโรคลำไส้แปรปรวนและโรคกรดไหลย้อนได้ โยคะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ลดความกังวล และจัดการกับความเครียดได้ โยคะยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานสม่ำเสมอ ลดความตึงเครียดและความกังวล และช่วยกำจัดอาการปวดประจำเดือนซึ่งมีผลทำให้โรคลำไส้แปรปรวนแย่ลงให้เหลือน้อยที่สุดหรือไม่มีอาการปวดอีกเลย โยคะยังช่วยให้คุณมีสุขภาพกายและใจที่ดี อย่างไรก็ตามควรระลึกไว้ว่าโยคะไม่ใช่วิธีการรักษาเพียงอย่างเดียว ควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะคุณจะทำการออกกำลังกายด้วย

ที่มา : http://gotoknow.org/blog/y-now/257925